วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

ประวัติศิลปิน Mariah Carey


Mariah Carey ศิลปินหญิงชาวอเมริกัน อีกหนึ่งตำนานดีว่าระดับโลกผู้เป็นทั้ง นักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง และ มีเพลงฮิตมากมาย อาทิเช่น “Vision of Love”, “Hero” , “One Sweet Day”,“Always Be My Baby”,”My All” “We Belong Together” ,“Touch My Body” ล่าสุดกับ “#Beautiful” และ “Your Are Mind (Eternal)”
             ด้วยผลงานสตูดิโอ กว่า 14   อัลบั้ม และ ยอดขายกว่า 200 ล้านอัลบั้มทั่วโลก รวมถึงรางวัลอีกมากมายที่เธอได้รับ ทั้ง Grammy
Awards, Billboard Music Awards, American Music Awards
และ BRIT Awards ทำให้เธอ
Mariah Carey เป็นศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลอีกคนหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการดนตรี และเธอคือศิลปินหญิงเดี่ยวที่มีผลงานซิงเกิ้ลเพลงฮิตอันดับ 1 มากที่สุดใน Billboard Chart (18 เพลง)
                     
Mariah Carey หรือ Mariah  Angela Carey เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม . 1970 ที่ Long Island, New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1990   Mariah Carey เริ่มต้นอาชีพนักร้องของเธอ กับค่ายเพลง โคลัมเบีย เรคคอร์ด  (Columbia Records)ภายใต้การชักนำของผู้บริหารค่ายเพลง ทอมมี มอตโตลา  (Tommy Mottola) ซึ่งเป็นสามีคนแรกของเธอ  ภายใต้ผลงานชุดแรกของเธอ ที่มีชื่อว่า Mariah Carey  ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยมี 4 ซิลเกิ้ลฮิตอย่าง  “Vision of Love,"
"Love Takes Time," "Some Day,"
และ"I Don't Wanna Cry."  เป็นซิงเกิ้ลฮิตประจำอัลบั้ม  และ ขึ้นไปติดอันดับหนึ่ง อย่างรวดเร็ว  ทำให้เธอได้กลายเป็นศิลปินคนแรกที่มี ซิงเกิ้ลแรก ติดชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 ซิงเกิ้ล Billboard Hot 100 Singles ) และ ในปีต่อมา Mariah Carey ก็ได้รับรางวัล Grammy Awards ในสาขา ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best new Artist) และศิลปินป็อปฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (Best Female Pop Vocal Performance) และนี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสามารถของเธอ บนเส้นทางดนตรี   
ในปี 2014 กับอัลบั้ม I Am  Mariah...The  Elusive Chanteuse กับงานเพลงที่มีกลิ่นอาย R & B อย่างเต็มตัว และได้ร่วมงานกับศิลปิน R &B ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน เช่น NAS,Wale และ Miguel ศิลปินเจ้าของรางวัล  Grammy Awards 2013  ในสาขา Best R&B Song  

      พบกับหนึ่งปรากฏการณ์แห่งปีกับ กับดีว่านักร้องระดับโลกในตำนาน Mariah Carey ที่ครั้งนี้เธอจะกลับมา ให้แฟนเพลงชาวไทย
ได้ประทับใจกันอีกครั้งกับคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่แห่งปี
ใน The Elusive Chanteuse Show LiveinBangkok  วันที่  30 ตุลาคม 2557   

วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ประวัติ จอช โกรแบน josh groban


จอช โกรแบน  JOSH GROBAN

     จอรัช วินสโลส์ "จอช" โกรแบน เกินปี 1981 ที่ลอสแองเจลิส เป็นยิว ที่มีเชื้อสายรัสเซียน และโปล ส่วนทางแม่ มีเชื้อสายนอร์เวย์  เริ่มร้องเพลงในโรงเรียน  ผ่านการฝึกในอบรมในแคมป์ดนตรี ไฮสกูลทางด้านศิลปะและเรียนการแสดงในมหาวิทยาลัย แต่ออกมาก่อนเพื่อเอาจริงในอาชีพร้องเพลง ครูสอนร้องเพลงของโกรแบน นำเอาเทปที่เข้าร้องเพลงจากละครเพลง แฟนทอม ออฟ ดิโอเปร่า ให้กับ เดวิด ฟอสเตอร์ โปรดิวเซอร์ ชื่อดังซึ่งให้โกรแบน เป็นสแตนด์อิน ซ้อมร้องเพลงคู่กับ เซลีน ดิออน ในเพลงที่จะร้องในงานแกรมมีปี 2008 แทน แอนเดีย โบเซลลี ที่ป่วยอยู่

        และนำไปสู่การเซ็นสัญญาออกผลงานชุดแรก JOSH Groban  ในปี 2001 และก็ปรากฏว่า ผลงาน 45 ชุดแรก ได้รับการรับรองว่ามียอดขายหลักล้านชุด  ในปี 2007 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเบอร์ 1 ของศิลปินขายดีที่สุดในอเมริกา ด้วยยอดขาย 21 ล้านชุดทั่วประเทศ และจนปัจจุบันนี้ ยอดไปอยู่ที่ 25 ล้านชุดทั่วโลก

        อัลบั้มชุดใหม่ปี 2013 ชุดที่ 6 มีชื่อว่า All That Echoes ประเดิมด้วยอันดับที่ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด

วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

อัตราค่าโฆษณา ในจังหวัดนครสวรรค์ ประจำเดือน มิถุนายน 2557- สิงหาคม 2557


รายละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่าย ในการโฆษณา  เดือน มิย.57- สค.57

 1.)  โฆษณาทางสถานีวิทยุ ชุมชนนครสวรรค์ตก Happy Radio FM 89.5 MHZ

        1.1  ค่าใช้จ่ายแบบเหมาเดือน ๆละ  2,500 บาท ประกอบด้วย
                 -เปิดสปอตวิทยุ (30 วินาที) ทุกต้นชั่วโมง   5 ครั้งใน 1 วัน (รวม 30 วัน 150 ครั้ง)
                 -ประชาสัมพันธ์ ในรายการวิทยุ โดยดีเจ วันละ 1 ชั่วโมง  (รวม 30 ชั่วโมง)
               ***ลงโฆษณา 3 เดือน ต่อเนื่อง ผลิตสปอตให้ฟรี (มูลค่า 500 บาท)

         1.2  เปิดสปอตต้นชั่วโมง คิดเป็นครั้งๆละ  25 บาท

 2.)  รถแห่โฆษณารอบเมือง
                  -ค่ารถแห่  คิดเป็นวันละ  700 บาท
                  -ค่าป้าย ติดรถแห่   2 ด้าน คันละ  1,000 บาท
                  -ค่าผลิตสปอต รถแห่      500 บาท

  3.) ติดป้ายโฆษณา (รอบเมืองนครสวรรค์)
                  -ป้ายคัทเอาท์เล็ก ติดเสาไฟ ขนาด 120*240 ซม. แผ่นละ 450 บาท
                   -ป้ายผ้าใบติดชุมชน ขนาด 100 * 200 ซม. แผ่นละ 200 บาท

สนใจติดต่อ นรินทร์ สวนศิลป์พงศ์  โทร. 056-330585 และ 081-1725974
 Line  ID:...s13060     E-Mail :   happyradio_2555@hotmail.com

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

ประวัติศิลปิน พาสเซ็นเจอร์ (Passenger)


ศิลปิน พาสเซ็นเจอร์ (Passenger)

           พาสเซ็นเจอร์ หรือ ชื่อของนักร้อง นักแต่งเพลง หนุ่มชาวอังกฤษที่ชื่อ Michael David Rosenberg เกิดเมื่อวันที่ 17 พค. 1984 โดยใช้ชื่อวงดนตรีในการแสดง    เล่นดนตรีในสไตร์ FOLK-ROCK มีเพลงดังมากๆ ที่ชื่อ Let Her Go งานจากอัลบั้มชุดที่ 3 ที่มีชื่อว่า  All The Little Lights  ที่บันทึกเสียงที่ออสเตรเลีย โดยใช้ทีมงานนักดนตรีชาวออสเตรเลีย ทั้งหมด         Let Her Go ขึ้นอันดับ 2 ใน อังกฤษ และอันดับที่ 5 ใน Billboard Hot 100 และอันดับ 1 ใน Billboard Hot Rock Songs  และได้รับรางวัล BRIT AWARD SINGLE OF THE YEAR  ในปี 2014


วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2557

ประวัติ วงดนตรี คณะสกอร์เปี้ยน (Scorpions)

ประวัติ วงดนตรี คณะสกอร์เปี้ยน (Scorpions)


             สกอร์เปี้ยน ก่อตั้งที่แฮนโนเวอร์ เยอรมนี ในปี 1965 โดยพี่น้อง รูดอล์ฟ และไมเคิล เชงเกอร์ ออกผลงานชุดแรก Lonesome Crow ในปี 1972  ภายหลังไมเคิล ได้ออกไปร่วมงานกับวง UFO มี อุลริก รอธ เข้ามาแทนในปี 1974 ออกอัลบั้ม In Trance,Virgin Killer และ Taken By Force และการแสดงสด Tokyo Tape ปี 1978     จากนั้น อุลริก รอธ ก็ได้ลาออก มี แมตเธียส แจ็บส์ เข้ามาแทน แต่หลีกให้ ไมเคิล เชงเกอร์ ที่กลับมาร่วมวงในช่วงสั้นๆ ปี 1979 ภายหลัง แจ็บส์ รับงานเต็มตัว เมื่อ ไมเคิล ตกจากเวทีระหว่างทัวร์ยุโรปปี 1979 และออกจากวงไปในยุค 80 พวกเขาเข้าไปโด่งดังในตลาดอเมริกา ด้วย Blackout,Love At First Sting และ Savage Amusement  เข้าสู่ทศวรรษ 90 ด้วยอัลบั้ม Crazy World ปี 1990 มีเพลงดังคือ Wind of Change หลังจากนั้นก็แผ่วลงไป สตูดิโออัลบั้มในยุค 2000 คือ Unbreakable ในปี 2004 และ Humanity : Hour I ในปี 2007  ปี 2010 มีสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 17 ชื่อ Sting In The Tail บันทึกเสียงที่อันโนเวอร์กับโปรดิวเซอร์สวีดิช นอร์ด แอนเดอร์สัน และ มาร์ติน แฮนเซน ทางวงประกาศว่าอัลบั้มนี้จะเป็นอัลบั้มชุดสุดท้าย และทัวร์ที่จะยาวไปถึงปี 2012 – 2013
           สมาชิกยุคปัจจุบันของ Scorpions ประกอบด้วย เคลาส์ ไมน์,แมตเธียส แจ็บส์ ลีดกีต้าร์ ,รูดอลฟ์ เชงเกอร์ ริธึ่มกีตาร์ สามคนนี้อายุหลักห้าสิบกว่ากับหกสิบต้นๆ และ พาเวล มาซิโวดา เบสกีต้าร์ ,และเจมส์ คอตแท็ก มือกลอง

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

ประวัติบรูโน มาร์ส (Bruno Mars)


บรูโน มาร์ส (Bruno Mars)

           บรูโน มาร์ส (Bruno Mars) ชื่อจริง คือ ปีเตอร์ จีน เฮอร์ นานเดช (Peter Gene Hernandez) เกิดปี 1985 ที่ บรู๊กลีน นิวยอร์ค โตที่ ฮาวาย ครอบครัวเป็นนักดนตรีกันทั้งบ้าน มีเชื้อสายเปอร์โตริกันผสมกับฟิลิปปินส์ สนใจดนตรีตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ โดยมี ไมเคิลแจ็กสัน,เอลวิส เพรสลีย์ เป็นแรงบันดาลใจ อายุ 17 ปี จึงย้ายไปลอสแองเจลิส เพื่อเริ่มต้นอาชีพดนตรี และร่วมทีม The Smeezingtons เซ็นสัญญากับแอตแลนติก เร็กคอร์ดส์  ในปี 2006 ร่วมเขียนเพลง และร่วมร้องเพลง Nothin’ on You
 ในอัลบั้มของ B.O.B และเพลง Billionaire ของ เทรวี แม็กคอย
          มีอัลบั้มแรกในปี 2010 ชื่อ “ดู-ว็อปส์ & ฮูลิแกน” (DOO-WOPS & HOOLIGANS) ได้รับรางวัล อัลบั้มเพลงป๊อบชุดเปิดตัวที่ดีที่สุดแห่งปี: 10 เพลงที่เกือบสมบูรณ์แบบ” จากนิตยสารโรลิ่งสโตน 
เพลงจัสต์ เดอะ เวย์ ยู อาร์ ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตเพลงทั่วโลกนับครั้งไม่ถ้วน เพลงเกรเนด”(Grenade) , เพลงเดอะ เลซี่ ซอง  แพลตินัม บรูโน่ มาร์ส ได้รับรางวัลแกรมมี่ สาขา “นักร้องชายยอดเยี่ยมด้านการร้อง”
         ปี 2012 เปิดตัวอัลบั้มที่สอง “อันออร์ธอร์ดอกซ์ จูคบอกซ์” (Unorthodox Jukebox) กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ด้วยอันดับ 1 ของชาร์ต บิลบอร์ด 200 และกลายเป็นอัลบั้มแรกของมาร์สที่ได้รับรางวัลแกรมมี่ นอกจากนี้ยังได้รับการยกให้เป็นอัลบั้มแพลตินัมทั้งในประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร ที่ซึ่งอัลบั้มนี้กลายเป็นอัลบั้มศิลปินเดี่ยวที่ขายเร็วที่สุดหลังเปิดตัวในปี 2012 เพลง เว็น ไอ วอส ยัวร์ แมน” (When I Was Your Man) จากอัลบั้มนี้เป็นซิงเกิลที่ 6 ของมาร์สที่ครองอันดับ 1 ของชาร์ต เมนสตรีม ท็อป 40 ของบิลบอร์ด แซงหน้าจัสติน ทิมเบอร์เลค และ เนลลี่ ในฐานะศิลปินชายเดี่ยวที่มีผลงานเพลงท็อปชาร์ตมากที่สุดในรอบ 20 ปี (ข้อมูลจากนิตยสารบิลบอร์ดบอกว่า 5 เพลงของบรูโน่ ทะยานขึ้นอันดับของชาร์ตรวดเร็วกว่าศิลปินชายทั้งหมด นับตั้งแต่เอลวิส เพรสลีย์) นอกจากนั้นเพลงเว็น ไอ วอส ยัวร์ แมน นับเป็นเพลงที่ 11 ของมาร์ส ที่มียอดดาวน์โหลดทะลุ 1 ล้านครั้ง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี หลังจากเขาเปิดตัวในฐานะศิลปิน เป็นเจ้าของรางวัลแกรมมี่ และสถิติมากมาย ซิงเกิลของเขามียอดขายกว่า 100 ล้านก็อปปี้ทั้วโลก ทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และจากผลงานที่ไปร่วมร้องกับศิลปินคนอื่น

            บรูโน่ มาร์ส  ทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกในชื่อทัวร์ว่า “มูนไชน์ จังเกิ้ล ทัวร์”  และชาวไทยจะได้ชมกันในวันที่ 20 มีนาคม 2557 นี้ ที่อิมแพคอารีน่าเมืองทองธานี

)

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประวัติ อีริค แคลปตัน (Eric Clapton)


ประวัติ อีริค แคลปตัน (Eric Clapton)

         อีริค แพทริค แคลปตัน (Eric Patrick Clapton) เกิดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2488 ในบ้านเลขที่ 1 เดอะ กรีน, ริปเล่ย์, ย่านเซอร์เร่ย์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณตาคุณยายของเขาเอง คุณแม่ของเขาคือ แพทริเซีย มอลลี่ แคลปตัน (Patricia Molly Clapton) ส่วนคุณพ่อของเขาเป็นนายทหารชาวแคนาดาที่มาประจำการที่เกาะอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชื่อว่า  เอ็ดเวิร์ด วอล์เตอร์ ฟรายเออร์ อีริค (Edward Walter Fryer Eric) อีริค แคลปตัน เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่รักเสียงดนตรี คุณยายของเขารักการเล่นเปียโน ส่วนคุณลุงและคุณแม่ก็ชอบดนตรีจากวงบิ๊กแบนด์ คุณแม่ของอีริค ได้เล่าให้ เรย์  โคลแมน (Ray Coleman) ผู้เขียนอัตชีวประวัติของ อีริค แคลปตัน ว่า พ่อแท้ ๆ ของ อีริค เป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์ เขาเคยเล่นเปียโนให้กับวงดนตรีในงานเต้นรำหลายวงในย่านเซอร์เร่ย์ ในวันว่างงานอดิเรกชิ้นหนึ่งของ อีริค แคลปตัน คือ ตกปลาและเขาก็ชอบยิงปืนและยิงธนู  นอกจากนี้อีริคยังเป็นนักสะสมรถตัวยงมานานมากอีกด้วย  
          อีริค   แคลปตัน ได้รับรางวัล แกรมมี่ อวอร์ดส์  (Grammy Awards) และร่วมรับรางวัล แกรมมี่ อวอร์ดส์ (Grammy Awards) ร่วมกับผู้อื่นรวมกัน 18 รางวัล และ 6 รางวัลในจำนวนนั้นเป็นรางวัลที่ได้มาในปี 2535 เพียงปีเดียว เขาคือนักดนตรี ศิลปินและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ เจ้าของ รางวัลร็อกแอนด์ โรล ฮอลล์ ออฟ เฟรม (Rock and Roll Hall of Fame) สามรางวัลซ้อน อีริค แคลปตัน คือหนึ่งในมือกีตาร์ที่สำคัญและทรงอิทธิพลที่สุดตลอดกาล การันตีด้วยอันดับ 2  จาก นิตยสารโรลลิ่ง สโตน (Rolling Stone)  
          อีริค   แคลปตัน มีฉายาว่า สโลว์แฮนด์“ (SLOWHAND) ซึ่ง  จิออร์จิโอ โกเมลสกี้ (Giorgio Gomelsky) ผู้จัดการของวงเดอะ ยาร์ดเบิร์ดส์ (The Yardbirds) เป็นคนตั้งฉายาให้อีริค   แคลปตัน ว่า สโลว์แฮนด์“ (Slowhand) ในช่วงต้นปี ค.ศ.1964 เพราะเมื่อใดก็ตามที่อีริคทำสายกีตาร์ขาดขณะเล่นคอนเสิร์ตบนเวที เขาก็จะยืนรอจนกว่าจะมีคนเอากีตาร์ตัวใหม่มาให้ ผู้ชมก็น่ารักมาก จะปรบมือช้า ๆ รอไปด้วย จึงเรียกว่า สโลว์ แฮนด์แคลป” (Slow handclap) อีริค บอกกับ เรย์ โคลแมน ผู้เขียนประวัติส่วนตัวของเขาว่า ชื่อเล่น สโลว์แฮนด์“  ของเขาได้มาจาก จิออร์จิโอ โกเมลสกี้  เขาสร้างคำที่มีความหมายสองนัยขึ้นมา เขาบอกอยู่เสมอว่าผมเป็นคนเล่นกีตาร์เร็ว  เขาจึงนำเอาวลี แฮนด์แคลป” (handclap) เข้าไปไว้ใน สโลว์แฮนด์” (Slowhand) เพื่อเล่นคำกัน 
          อีริค แคลปตัน คืออีกหนึ่งตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ ยอดฝีมือกีตาร์บลูส์ร็อกผู้ นี้ ได้รับการยกย่องจากนักกีตาร์รุ่นหลังว่าเป็นกีตาร์เทพ เขาประสบความสำเร็จและโด่งดังอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุค 70 มียอดขายอัลบั้มมากกว่า 50 ล้านทั่วโลก เพลงฮิตมากมาย เช่น Key to the Highway,Tears in Heaven และอีกมากมาย โดยบทเพลงเหล่านี้ได้กลายเป็นคัมภีร์สำหรับบรรดามือกีตาร์ระดับแนวหน้าในเมืองไทย 
          ล่าสุด  แคลปตัน ได้ออกผลงานรีมาสเตอร์ โดยหยิบเอาอัลบั้มบันทึกการแสดงสด แคลปตัน อันปลั๊ก“ (Clapton Unplugged) ผลงานอมตะที่แฟนเพลงทั่วโลกรู้จักมายาวนานกว่า  20 ปี การันตีด้วยรางวัลแกรมมี่ถึง 6 ตัว และทำยอดขายได้ถึงกว่า 19 ล้านชุดทั่วโลกมาแล้ว ปรับโฉมใหม่ โดยเพิ่มเพลงที่ไม่เคยออกวางจำหน่ายที่ไหนมาก่อนถึง 6 เพลง รวมทั้งได้ทำการรีมาสเตอร์อัลบั้มต้นฉบับขึ้นใหม่เพื่อคุณภาพที่คมชัดขึ้น โดยใช้ชื่อว่า อันปลั๊ก : เอ็กซ์แพนด์ แอนด์ รีมาสเตอร์ด“ (Unplugged : Expanded and Remasterd) ซึ่งได้ออกวางจำหน่ายทั่วโลกแล้ว  พร้อมกับการกลับมาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตให้กับแฟนเพลงทั่วโลกได้ชมกันอีกครั้ง  
        ตามคำเรียกร้อง อีริค แคลปตัน ไลฟ์ อิน แบงค็อก 2014“ (Eric Clapton Live in Bangkok 2014) มือกีตาร์ระดับเทพเจ้าของบทเพลงในตำนาน Cocaine,Wonderful Tonight,Bell Bottom Blues,Change The World, Badge,Layla,Key to the Highway, Sunshine of your love,Blue  Eyes Blue บินตรงมาเปิดคอนเสิร์ตในประเทศไทย วันอาทิตย์ที่ มีนาคมนี้ ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี 
****เดือนกุมภาพันธ์ นี้ รับฟังผลงานเพลงของ Eric Clapton ได้ตลอดทั้งวัน ที่สถานีวิทยุนครสวรรค์ตก HAPPY RADIO FM 89.5 MHZ. จ.นครสวรรค์  **** 

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557

ประวัติศิลปิน คณะ เดอะ บีตเทิ่ล The Beatles


เดอะบีตเทิลส์ ก่อตั้งที่ ลิเวอร์พูล อังกฤษ เมื่อปี 1960    ไลน์อัพ  ประกอบด้วย 
                จอห์น เลนนอน           กีตาร์ ,คีย์บอร์ด และร้อง
                 พอล  แม็กคาร์ตนีย์   เบส และร้อง
                  จอร์จ  แฮริสัน            กีตาร์ และร้อง
                 ริงโก้   สตาร์              กลอง และร้อง
          ดนตรีของ บีตเทิ่ลส์มีรากฐานจากเพลงป๊อปอังกฤษ ที่เรียกว่า สกิฟเฟิล และร็อกแอนด์โรยุค 50    บีตเทิ่ลส์ สร้างชื่อจากการเล่นในคลับที่ลิเวอร์พูล ข้ามไปฮัมบูร์ก เยอรมนี และภายหลังมี ไบรอัน เอสสไตน์ เป็นผู้จัดการวง   จึงเปลี่ยนโฉมวงให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น  และมี จอร์จ มาร์ติน มาเป็นโปรดิวเซอร์ ทำให้วงมีเพลงฮิตมากมาย เช่น Love  Me Do ปลายปี 1962  และเปิดรุกตลาดเพลงใน สหรัฐ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ ที่เรียกว่า  British Invasion 
        ตั้งแต่ปี  1965 ออกผลงานที่กลายเป็นเพลงอมตะ มากมาย เช่น Rubber Soul (1965) , Revolver (1966) ,Sgt Pepper’s Lonely Hearts Club Band (1967),The Beatles (White Album)(1968) และ Abbey Road (1969) ก่อนแตกวงในปี 1970      สมาชิกทั้ง 4 ออกมาทำงานเดี่ยว ประสบความสำเร็จในระดับใกล้เคียงกัน เว้น ริงโก้ สตาร์   ภายหลังจอห์น เลนนอน โดนยิงตายในปี 1980 ,จอร์จ แฮริสัน ตายด้วยมะเร็งปอดในปี 2001 เหลือ ริงโก้ และพอล ยังทำงานดนตรี
จนปัจจุบัน แม้อายุเกิน 60 ปี แล้ว 
         ในปี 2014 บีตเทิลส์ มีอัลบั้ม  On Air-Live at the BBC Volume 2 บันทึกการแสดงสดที่วิทยุ บีบีซี ระหว่าง 1963-1964 จำนวน 63 แทร็ก ที่ไม่เคยนำออกวางจำหน่ายมาก่อน พร้อมกันนี้ยังนำเอา Live at the BBC Volume 1 ที่ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 1994 มารีมาสเตอร์ วางขายพร้อมกันด้วย  ยอดขายไปได้ดี ติดอันดับ 7 ในชาร์ตอัลบั้มของบิลบอร์ด ถือเป็นอัลบั้มชุดที่ 31 ของวงที่ติดท็อปเท็นในชาร์ตนี้   
***ข้อมูลจาก มติชน สุดสัปดาห์  “ดนตรี  วารี วิไล" ****

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ประวัติศิลปิน Earth ,Wind &Fire



           การกลับมากับผลงานใหม่  Earth ,Wind &Fire วงดังของอเมริกัน ที่ยืนหยัดในวงการเพลงมาตั้งแต่ก่อนตั้งต้นยุค 70
  ผลงานชุดใหม่ มีชื่อว่า Now, then &Forever ถือเป็นสตูดิโอลำดับที่ 21 ของวง  เป็นดิสโก้ ฟังก์ และแจ๊ซ  มีอัลบั้มก่อนหน้านี้ คือ Ilumination ออกในปี 2005  สูงสุดในอันดับที่ 11 ในชาร์ตบิลบอร์ด
      EWF  ก่อตั้งในปี 1969 ที่ชิคาโก  โดยมี มอริซ ไวต์ เป็นแกนนำ และมีการปรับเปลี่ยนสมาชิกมาเรื่อยๆ ไลน์อัพที่โด่งดัง ประกอบด้วย   มอริซ ไวต์  ,ฟิลลิป  เบลีย์ ที่ยังรวมงานมาจนถึงปัจจุบัน ,เวอร์ดีน ไวต์ (น้องชายของมอริซ) ,ราล์ฟ จอห์นสัน,ลาร์รี่  ดันน์ และอัล แม็กเคย์
   จุดเด่นของวงคือ เครื่องเป่าที่ทรงพลังและเต็มไปด้วยลวดลายสีสัน โดยเฉพาะการแสดงบนเวที เสียงร้องแบบฟัลเซ็ตโต ของเบลีย์ กับเสียงเทเนอร์ของ ไวต์ มีเพลงฮิตมากมาย เช่น Shining Star,That’s the Way of the world,Devotion,Reasons,Sing a Song ,Fantasy,Love’s Holiday ฯลฯ      โดยเฉพาะเพลงคลาสลิค 2 เพลง ที่ได้รับการยกย่องเข้าหอเกียรติคุณแกรมมี่ คือ  That’s the Way of the world  ในปี 2004 และเพลง Shining Star  ในปี 2007


        EWF  มีอายุยาวนานในวงการเพลง  ได้รับการยกย่องว่าเป็นวงที่เปลี่ยนสำเนียงของ แบล็กป๊อป