วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติวงดนตรี. มารูน ไฟว์ Maroom 5

ประวัติวงดนตรี. มารูน ไฟว์ (Maroom  5)


พวกเขาใช้เวลาในครึ่งหลังของยุค 90s ก่อตั้งวงดนตรีแนวการาจร็อค ในขณะเรียนมัธยม ใช้ชื่อวงว่า คาราส์ ฟลาวเออส์ (Kara’s Flowers)  ซึ่งตั้งตามชื่อของกลุ่มผู้หญิงที่สมาชิกวงหลงใหล มีสมาชิกวงในตอนนั้น ประกอบไปด้วย อดัม เลอวีน (Adam Levine) ตำแหน่ง นักร้องนำและมือกีตาร์, เจสซี คาร์ไมเคิล (Jesse Carmichael) ตำแหน่ง มือคีย์บอร์ด, มิกกี้ แมดเดน (Mickey Madden) ตำแหน่ง มือเบส, ไรอัน ดูซิก (Ryan Dusick) ตำแหน่ง มือกลอง และได้ออกอัลบั้มแรก The Fourth World กับค่าย Reprise Record

      เมื่อพวกเขากลับมารวมตัวกันใหม่ ในนามวง Maroon 5 ออกอัลบั้มเปิดตัว Songs About Jane ในเดือนมิถุนายน ปี 2545 ภายใต้สังกัด Octone Records โดยมีซิงเกิลแรกคือเพลง Harder to Breathe ที่ถูกเปิดบ่อยจนฮิตติดชาร์ตอันดับที่ 6 ในบิลบอร์ด 200 ในส่วนเพลงที่มีมิวสิควิดีโอสุดฮอตอย่าง This Love ก็ทำให้พวกเขาคว้ารางวัลเอ็มทีวี มิวสิคอวอร์ด สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และรางวัลแกรมมี่ สาขาการขับร้องยอดเยี่ยม โดยศิลปินคู่หรือกลุ่ม ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ Maroon 5 จนถึงปัจจุบัน


สำหรับการแสดงสดในประเทศไทยทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมาของ หนุ่มๆ มารูน ไฟว์ (Maroon 5) พูดได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่เคยทำให้แฟนเพลงชาวไทยต้องผิดหวัง พวกเขาขนทั้งเพลงฮิตและหอบหิ้วขุมพลัง มาเอ็นเตอร์เทนคนดูอย่างเต็มที่ชนิดไม่มีกั๊ก ทำให้แฟนเพลงได้สัมผัสถึงความสนุกสุดใจทุกครั้งที่ได้ชม เป็นเครื่องรับประกันสุดยอดประสบการณ์ทางดนตรีที่ตอกย้ำความมันส์ กับการกลับมาเปิดการแสดงสดของพวกเขาอีกครั้งในปีนี้ กับคอนเสิร์ตใหญ่ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง “สิงห์ คอร์เปอเรชั่นพรีเซ้นท์ส มารูน ไฟว์ ไลฟ์ อิน แบงค็อก 2015 (Singha Corporation Presents Maroon 5 Live in Bangkok 2015) ที่จะระเบิดขึ้น 2 รอบ ในวันจันทร์ที่ 21 และวันอังคารที่ 22 กันยายนนี้  ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี 




วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประวัติ. ร็อบบี้. วิลเลียมส์

“ร็อบบี้ วิลเลียมส์” (Robbie Williams) 


ร็อบบี วิลเลียมส์  มีชื่อจริงว่า โรเบิร์ต พีเตอร์ แมกซ์มิลเลียน วิลเลียมส์ (Robert Peter Maximillian Williams) เกิดเมื่อ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517 เป็นนักร้องอังกฤษ อดีตสมาชิกวง. Take That. ร็อบบีถือว่าเป็นนักร้องชายอังกฤษที่มียอดขายมากที่สุด ยอดขายอัลบั้มได้มากกว่า 77 ล้านชุดทั่วโลก มีความสามารถทั้งในเสียงร้องที่มีเสน่ห์บวกด้วยลีลาการร้อง การเอ็นเตอร์เทนคนดู ที่ครบรสครบเครื่อง และด้วยลุคความเป็นตัวของตัวเอง แฝงไปด้วยความเก๋า   การันตีด้วยสถิติยอดจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตที่สูงถึง 1.6  ล้านใบภายในวันเดียว แม้แต่กินเนสส์บุ๊กยังต้องบันทึกไว้เมื่อปี 2006 นอกจากนี้ยอดขายมากกว่า 60 ล้านอัลบั้ม พร้อมด้วยรางวัลทางดนตรี “บริท อวอร์ดส์” (Brit Awards) 17 รางวัล ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลง 




และในครั้งนี้ ร็อบบี้ วิลเลี่ยมส์ จะขนเพลงฮิตจากทุกอัลบั้มของเขามาเปิดการแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆชาวไทยได้ชมกัน ในคอนเสิร์ต “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น พรีเซ้นส์ ร็อบบี้ วิลเลียมส์ อิน แบ็งคอก โชว์เต็มรูปแบบของ เล็ท มี เอ็นเตอร์เทน ยู ทัวร์ 2015” เปิดแสดงในวันพุธที่ 30 กันยายนนี้ ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี  แฟนๆจะได้ฟังเพลงฮิตอย่าง เล็ท มี เอ็นเตอร์เทน ยู  (Let Me Entertain You), ร็อค ดีเจ (Rock DJ), แองเจิ้ลส์ (Angels)คิดส์ (Kids), มิลเลนเนี่ยม (Millennium

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

ประวัติ วงดนตรีคณะ. Uriah. Heep

URIAH HEEP



            ถือกำเนิดโดย 2  หนุ่ม คือ  Mick Box  สมาชิกถาวรในตำแหน่งมือกีตาร์ และนักร้องนำ กับ David Byron หรือชื่อจริง David Garrick นักร้องนำรุ่นแรก ที่อยู่กับวงระหว่างปี 1969-1976 ทั้งคู่เล่นดนตรีร่วมกันในนาม The Stalkers ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษ 1960  ก่อนจะชวนนักดนตรีอีก 2 คน มาร่วมงานในชื่อ Spice ระยะสั้นๆ คือ  Paul Newton  มือเบส และ Alex Napler มือกลอง และภายหลังได้ Ken Hensley มาเป็นมือคีย์บอร์ด จึงได้เปลี่ยนชื่อวงมาเป็น  URIAH  HEEP  ที่มีที่มาจากตัวละครตัวหนึ่งในวรรณกรรม อมตระ "David Copperfield " ของ  Charles Dickens
             เป็นวงร็อก ที่เปลี่ยนนักดนตรีค่อนข้างเปลือง ตั้งแต่ปี 1971-1980 URIAH HEEP  เปลี่ยนมือกลอง 5 คน มือเบส  4 คน และมือโซโลกีต้าร์ 2 คน
             อัลบั้มแรก Very 'eavy....Very  'umble  ในอเมริกาใช้ชื่่ออัลบััั้มชื่อเดียวกับชื่อวง มีเพลงดัง Gypsy
และ I"LL Keep On Trying   อัลบั้มเปิดตัวในชาร์ท สูงสุดอันดับที่ 186
             อัลบั้มชุดที่ 2 "Salisbury"  ในปี 1971  เปิดตัวด้วยเพลงดัง Bird of Prey  ความยาว 16 นาที กับวงออร์เคสตร้าขนาดย่อม 24 ชิ้น ผสมผสานกับนักร้องประสานเสียง และเสียงร้องนำกับท่อนโซโลแบบโพรเกรสสีฟร็อก ที่น่าจดจำ
           ปี 1971 อัลบั้ม Look At Yourself มีเพลงดัง July Morning
           และอัลบั้ม Demons And Wizards ปี 1972  มีเพลงดัง The Wizard ,Easy Livin
           และสุดยอดอัลบั้มในช่วงปลายปี 1972 อัลบั้ม The Magician's  Birthday ที่นักวิจารณ์บางคนยกย่องว่าเป็นการพัฒนาก้าวข้ามขอบเขตของความว่างเปล่า ทางดนตรีเฮฟวีเมทัลดั้งเดิม ไปสู่เนื้อหาที่หนักแน่น และจินตนาการบรรเจิดระดับเดียวกับ Dark Side Of The Moon ของ Pink Floyd และ Close To The Edge  ของ YES ด้วยเพลง Sunrise,Spider Woman ,Sweet Lorraine

      ***ข้อมูลจากหนังสือ  ร็อก ช็อค โลก โดย ขาบ  เจรียง

วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

ประวัติศิลปิน เคที่ เพอร์รี่ (Katy Perry)


ประวัติ เคที่  เพอร์รี่
                      แคเธอรีน  เอลิซาเบธ ฮัดสัน (Katheryn Elizabeth Hudson ) หรือ ชื่อในวงการ คือ เคที เพอร์รี่ เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอเมริกัน เธอได้เข้าวงการเพลงในชื่อ เคที ฮัดสัน หลังจากเธอได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Capital Music Group ในปี ค.ศ.2007 ซึ่งเป็นค่ายลำดับที่ 4 ตลอดระยะเวลา 7  ปี เธอก็ได้เปลี่ยนชื่อในวงการใหม่เป็น เคที เพอร์รี่ ในปี ค.ศ.2008 เธอเริ่มเป็นที่จดจำครั้งแรกด้วยผลงานอัลบั้ม ชุดแรกอย่างเป็นทางการของเธอ ที่ชื่อ One of the Boys ที่มีเพลงติดชาร์ต 10 อันดับบนสุดของบิลบอร์ดฮอต 100  สตูดิโอ อัลบั้ม ชุดที่ 3 ที่ชื่อ Teenage Dream  ได้ขึ้นอันดับหนึ่ง ของชาร์ต บิลบอร์ด 200 และซิงเกิล 5 เพลงที่ปล่อยออกมาได้แก่ California Gurls ,Teenage Dream,Firework,E.T. และ Last Friday Night (T.G.I.F.) ต่างก็ได้ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ทั้งสิ้น นับว่าเป็นอัลบั้มเดียว (หลังจากอัลบั้ม BAD  ของไมเคิล แจ็กสัน) และเป็นนักร้องผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำได้เช่นนี้

       ซุปเปอร์สตาร์สาวระดับโลก เคที่ เพอร์รี่ (Katy Perry) กับคอนเสิร์ต “เดอะ พริสมาติค เวิล์ด ทัวร์” (THE PRISMATIC WORLD TOUR) ในเมืองไทย จะมีวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม 2558  ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี  ซึ่งเป็นการทัวร์ของอัลบั้มพริซึ่ม (PRISM) ที่เปิดตัวด้วยการทะยานขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ทบิลบอร์ด 200 ในอัลบั้มระดับรางวัลแพลททินั่มชุดนี้มีซิงเกิ้ลฮิตที่สุดของสาวเคที่ อย่าง โรว์ (Roar) และ ดาร์ค ฮอร์ส (Dark Horse) ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่ 13 ของเธอที่สามารถติดอันดับท็อป 10 ของ ชาร์ทบิลบอร์ด ฮอต 100

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติ. ไมเคิล...เชงเกอร์

                                                  ไมเคิล เชงเกอร์  Micheal  Schenker 

                         ในบรรดาเพลงร็อกระดับคลาสสิก ที่ได้รับการยกย่องของวงการว่าเป็นแบบอย่างให้กับศิลปินในรุ่นต่อมา ต้องมีชื่อของเพลง Rock Bottom ของคณะ UFO อยู่ในใจสาวกร็อกเกอร์ชาวไทยอยู่ในอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ด้วยท่อนริฟฟ์เปิดเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ โครงสร้างดนตรีที่แข็งแกร่ง และขาดไม่ได้คือท่อนโซโลที่ทั้งสวยงามและเร้าร้อน ที่ปลดปล่อยออกมาจากการสร้างสรรค์ของศิลปินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิกและจิตนาการ จนเป็นที่มาของบทเพลงที่เป็นอมตะของวงการเพลงโลก

                     มันอมตะเสียจนทุกคนที่เล่นกีตาร์ จะต้องตั้งเป้าด้วยการเล่นช่วงอินโทรของเพลงนี้ให้ได้กันทั้งนั้น และหวังว่าวันหนึ่งจะสามารถก้าวไปสู่การเป็นผู้ที่สามารถลีดท่อนโซโลที่แสนเมามันและหมดจดนี้ได้ แน่นอนว่า ผู้ที่ได้กลายเป็นครูของนักกีตาร์มาแล้วรุ่นต่อรุ่นรายนี้ไม่ใช่ใครนอกจาก ไมเคิล เชงเกอร์ ตำนานมือกีตาร์ชาวเยอรมัน ผู้ที่ใช้เวลากว่า 3 ทศวรรษในถนนดนตรี ด้วยการจารึกชื่อกับผลงานอมตะร่วมกับวงชั้นยอดมาแล้วมากมายทั้ง แมงป่องผยองเดช Scorpions, UFO และ MSG วงดนตรีที่เขาสร้างขึ้นด้วยบารมีของเขาเองโดยเฉพาะ Rock Bottom อาจจะโดดเด่นด้านความเมามัน แต่ถ้าแถมแฟนเพลงร็อกบ้านเรา ว่าชอบเพลงอะไรของ UFO มากที่สุด ร้อยทั้งร้อยคงหนีไม่พ้น High Flyer เพลงอคูสติกบัลลาด ที่ติดหูแฟนเพลงร็อกเมืองไทยมากว่า 20 ปี ขนาดที่ว่าถ้าไปผับร็อกเมืองไทยแล้วไม่ได้ฟังเพลงนี้แสดงว่าไปไม่ถูกที่

                          แม้จะได้ชื่อว่า โด่งดังมาจากวง UFO แต่วงร็อกวงแรกที่เขาแจ้งเกิดก็คือ Scorpions สุดยอดวงร็อกเยอรมันของรูดอล์ฟ เชงเกอร์ มือกีตาร์ผู้พี่ ซึ่งไมเคิลได้ใช้ Scorpions เป็นที่เพาะบ่มประสบการณ์ทางดนตรี จนกระทั้งฝีมือของเขาไปสะดุดตาของสมาชิก UFO วงร็อกชั้นดีจากอังกฤษ ที่กำลังต้องการมือกีตาร์เพื่อการแสดงในเยอรมันอยู่พบดิบพอดี UFO นี้เองที่เขาได้แผลงฤทธิ์การเล่นกีตาร์ระดับที่หาไม่ได้จากฝีมือเด็กหนุ่มวัย 19 คนไหน ที่ทั้งเร้าร้อน หมดจด และทรงพลัง ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกๆ แทร็คของอัลบั้มเปิดตัวของเขา Phenomenon เมื่อปี 1974 ซึ่งผลงานชุดนี้เองที่ช่วยยกระดับ UFO จากวงร็อกอังกฤษฝีมือดี กลายเป็นวงมหากาฬระดับแถวหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ปูรากฐานปรากฏการณ์ NWOBHM แก่วงการเมทัลในต้นยุค 80

                          ในเวลาต่อมา หลังจากสร้างชื่อกับ UFO มาตลอดยุค 70 แล้ว ก้าวต่อไปของไมเคิล เชงเกอร์      คือการสร้างโปรเจ็กท์ที่ตัวเขาเป็นผู้กำหนดรูปแบบของดนตรีได้อย่างแท้จริง MSG หรือ The Michael Schenker Group จึงได้กำเนิดขึ้น แม้ว่าจะไม่คลาสสิกเท่ากับวงที่เขาจากมา แต่มันก็อุดมไปด้วยผลงานดีๆ ที่แฟนเพลงไม่ควรมองข้ามมากมายทั้ง In To The Arena, Armed and Ready, Ready To Rock, On And On, Captain Nemo และเพลงที่ยังฝังใจสาวกอยู่ทุกวันนี้ Rook Will Never Die

                     สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของไมเคิล เชงเกอร์ ที่ติดตาแฟนเพลงอย่างดีก็คือกีตาร์ Gibson Flying V อันโดดเด่น ที่เขาได้เป็นของขวัญจากพี่ชายเมื่อยังเป็นเด็กจนเป็นแรงบันดาลในเส้นทางดนตรีอยู่ทุกวันนี้ สำหรับสายกีตาร์ร็อกแล้ว นอกจากแรนดี โรดส์แล้ว ก็มีเฮียไมเคิล เชงเกอร์เนี่ยแหล่ะที่เล่น Flying V ได้สะเด็ดสะเด่าที่สุด ขนาดป๋าออซซียังเคยออกปากชวนไมเคิล เชงเกอร์มาร่วมวงมาแล้ว หลังจากแรนดี โรดส์ต้องมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางเครื่องบินเมื่อต้นยุค 80

                      และในปี 2006 นี้ เขาได้ออกอัลบั้มใหม่ล่าสุด ฉลองครบรอบ 25 ปีของในวงการเพลงด้วยอัลบั้ม Tales of Rock & Roll ที่จะมาพร้อมกับ World Tour ของเขา
***ที่มา  ผู้จัดการออนไลน์***

เกอร

วันพุธที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2558

ประวัติ เจมส์ บลันท์ ( James Blunt )



ประวัติ เจมส์ บลันท์ ( JAMES BLUNT)

เจมส์ บลันท์ มีชื่อเต็มๆ ว่า เจมส์ ฮิลเลียร์ บลันท์ หนุ่มอังกฤษวัย 37 ปี อดีตนายทหารประจำการที่โคโซโว ใช้เวลาจากหน้าที่การงานมาแต่งเพลง จนกลายเป็นอัลบั้ม BACK TO BEDLEM อัลบั้มชุดแรกในปี 2005 กับเพลงฮิตอย่าง “You’re Beautiful “ มีรางวัลรับประกันความสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บริทอะวอร์ดส์ หรือ รางวัลนักแต่งเพลง ไอวอร์โนเวลโล อะวอร์ดส์ รวมถึงการได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล แกรมมี่ และการเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดในช่วงทศวรรษ 2000 ของอังกฤษ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากอัลบั้ม BACK TO BEDLEM

บลันท์ มีผลงานตามมาอีก 2 ชุด ALL THE LOST SOULS (2007) ซึ่งมีอยู่ในบรรยากาศดนตรีโฟล์คร็อค บรรยากาศเหงาหม่น เหมือนชุดแรก แต่ SOME KIND OF TROUBLE อัลบั้มชุดที่ 3 ที่วางจำหน่ายในปี 2010 กลับมีสีสันที่น่าตื่นเต้นเปี่ยมชีวิตชีวากว่าเดิมชัดเจน

           อัลบั้มใหม่  "มูน แลนดิ้ง " (Moon Landing)  อัลบั้มชุดนี้ “เจมส์ บลันต์” ยังได้ร่วมงานกับเพื่อนศิลปินและโปรดิวเซอร์ชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไรอัน เทดเดอร์ แกนนำของวง OneRepublick ที่ร่วมแต่ง Bonfire Heart รวมไปถึงทีมงานเก่งๆ อย่างสตีฟ ร็อบสัน (ออลลี่ เมอร์ส, Take That, เจมส์ มอร์ริสัน) คล็อด เคลลี (เจสซี เจ, บรูโน มาร์ส, บริทนีย์ สเปียร์ส) และโปรดิวเซอร์ ทอม รอธร็อค ที่เคยทำงานร่วมกับเจมส์มาแล้วในอัลบั้ม Back to Bedlam และ All Lost Souls พบอัลบั้ม “มูน แลนดิ้ง” Moon Landing เวอร์ชั่นพิเศษ พร้อมเพลงแถมเพิ่มอีก 3 เพลงในอัลบั้มจาก “เจมส์ บลันต์” มีวางจำหน่ายแล้ว โดยวอร์นเนอร์ มิวสิค สามารถฟังได้จาก Deezer และดาวน์โหลดเพลงได้ทาง ไอทูนส์ สโตร์.